Search

เตือนภัยโควิดรอบ 2 ส่อหนักหน่วง - ไทยรัฐ

friesfresh.blogspot.com

จีน-เกาหลี-ออสซี่เละ! ไทยจากนอกเจอตลอด

ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไปกล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเด็กชายอายุ 6 ขวบ กลับมาจากประเทศแอฟริกาใต้พร้อมมารดา เดินทางมาถึง เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2563 ตรวจหาเชื้อตามระบบการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค ผลตรวจพบเชื้อแต่ไม่มีอาการ ได้นำส่งเข้าระบบรักษาในโรงพยาบาลทันที สำหรับมารดาได้ตรวจหาเชื้อแต่ไม่พบเชื้อ และยังคงต้องเข้ารับการกักตัวให้ครบ 14 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ซึ่งจะตรวจในระหว่างวันที่ 11-13 หลังจากที่เข้าพัก เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้ที่เข้ารับการกักตัวปลอดเชื้อจริง และไม่นำเชื้อไปแพร่สู่คนในครอบครัวหรือชุมชน สะท้อนให้เห็นว่าการติดเชื้อในเด็กอาจไม่มีการแสดงอาการป่วยได้ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อในครอบครัว เนื่องจากการเว้นระยะห่างระหว่างเด็กเป็นเรื่องยาก ดังนั้น คนในครอบครัวควรเลี่ยงการแสดงความรักด้วยการกอด จูบ และถ้าในครอบครัวมีผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวด้วยแล้ว กลุ่มนี้หากป่วยจะมีอาการรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูง

อนามัยโลกหวั่นระบาดระลอก 2

นพ.โสภณกล่าวอีกว่า ในส่วนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาแถลงเรียกร้องให้ทุกประเทศและประชาชนทุกคนยังคงต้องระมัดระวังและป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง จากรายงานในหลายประเทศมีการกลับมาระบาดระลอกที่ 2 อีกครั้ง โดยในวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1.5 แสนราย ซึ่งมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่มีการเริ่มระบาด เกิดจากหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้น ขอเตือนประชาชนไม่ควรประมาท หลังจากที่รัฐบาลผ่อนปรนมากขึ้นจนเกือบเข้าสู่สถานการณ์ปกติ เริ่มมีการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ ต้องสวมหน้ากากตลอดการเดินทาง งดการพูดคุยและรับประทานอาหารบนรถ ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการพบปะหรือการชุมนุมกันเป็นกลุ่มก้อน จำกัดเวลาในการอยู่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันตนเองและคนรอบข้าง ที่สำคัญเมื่อใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ขอให้ลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่ ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง สำหรับผู้ประกอบการยังคงต้องเคร่งครัดมาตรการเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อ ต้องทำความสะอาดสถานที่ สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ จัดการพื้นที่เพื่อลดความแออัด เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร จัดระบบคัดกรองผู้เข้ารับบริการ และจุดบริการล้างมือ หากเป็นสถานที่ปิด เช่น ห้องประชุม ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ ต้องเช็กระบบระบายอากาศให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ส่วนผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา

ด่านแม่สอดคัดกรองเข้ม

ส่วนการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 อยู่ตรงข้ามบ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจคัดกรองแรงงานชาวพม่าทยอยเดินทางกลับประเทศกว่า 300 คนอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 คอยเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีแรงงานชาวพม่าเดินทางกลับประเทศผ่านด่าน อ.แม่สอด กว่า 24,000 คน ขณะเดียวกันมีแรงงานชาวพม่านับแสนคน รอเดินทางกลับเข้าประเทศไทยเพื่อทำงาน แต่ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ เพราะเจ้าหน้าที่ชายแดนหลายฝ่ายร่วมประชุมแล้วยังไม่อนุญาตให้เข้ามาเนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศเมียนมา ยังไม่เบาบางลง

ด่านอรัญฯรับคนไทย 10 คน

ที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จ.สระแก้ว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจคัดกรองแรงงานไทย 10 คน แยกเป็นชาย 7 คน หญิง 3 คน เดินทางมาจากประเทศกัมพูชา ทั้งหมดไม่มีไข้ นำตัวขึ้นรถส่งยังสถานที่กักตัว 14 วัน ที่ทางจังหวัดได้จัดเตรียมไว้ พ.ต.อ.อาทิตย์เปิดเผยว่า ตั้งแต่รัฐบาลประกาศปิดด่านพรมแดนคลองลึก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐบาลได้อนุโลมอนุญาตให้คนไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศกัมพูชา ขออนุญาตสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เดินทางกลับประเทศผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.-21 มิ.ย.มีคนไทยที่ทำงานในประเทศกัมพูชาเดินทางกลับประเทศไทยทั้งสิ้น 1,681 คน เป็นชาย 846 คน หญิง 830 คน เด็กชาย 4 คน และเด็กหญิง 1 คน ทุกคนได้รับการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการที่กำหนด

คนไทยเข้าประเทศอีกเพียบ

ส่วนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตลอดวันที่ 21 มิ.ย.คนไทยที่ได้รับผลกระทบสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และตกค้างอยู่ในยุโรป บาห์เรน สิงคโปร์ และสาธารณรัฐประชาชนจีน กว่า 500 คน เดินทางกลับถึงไทย จำนวน 5 เที่ยวบิน เริ่มจากเวลา 05.50 น.คนไทยจากประเทศบาห์เรน 199 คน เดินทางมากับสายการบินกัลฟ์แอร์ เที่ยวบินที่ GF152 เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคตรวจพบผู้เดินทาง เข้าประเทศมีไข้ 5 คน ต่อด้วยเวลา 07.26 น.คนไทยในประเทศยูเครน 5 คน เดินทางมากับสายการบินยูเครนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ PS1271 จากนั้นเวลา 12.16 น.สายการบินเคแอลเอ็มแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KL875 นำคนไทยจากสวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี สเปน เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ จำนวน 65 คน เดินทางกลับประเทศ ต่อมาเวลา 17.25 น.กลุ่มคนไทยในประเทศสิงคโปร์ อีก 180 คน เดินทางมากับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ976 พบผู้เดินทางมีไข้ 3 คน และเวลา 18.50 น. สายการบินคุนหมิง แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KY8369 นำคนไทยในเมืองคุนหมิงและเมืองใกล้เคียงในสาธารณรัฐ ประชาชนจีน จำนวน 49 คน และนักธุรกิจจีน 1 คน กลับมาถึงประเทศไทย พบผู้โดยสารไทยมีไข้ 1 คน ทั้งนี้ผู้โดยสารที่มีไข้ ถูกนำตัวส่ง รพ.ทันที ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่พาเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนดใน กทม. ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี

รอง ผบ.ทบ.ถกสถานบันเทิง

สำหรับมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 5 ที่ผู้ประกอบการ อาทิ กลุ่มสถานบันเทิง นักร้อง นักดนตรี ฯลฯ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนคลายเพื่อให้ทำมาหากินได้นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.45 น.วันที่ 21 มิ.ย. ที่ห้องประชุม 3 อาคารสำนักงาน ก.พ.เดิม ถนนพิษณุโลก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ใน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เชิญตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ ร่วมหารือรับฟังข้อเสนอการวางแนวทางการผ่อนคลายมาตรการสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าว หลังได้หารือกับกลุ่มนักดนตรีอิสระ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิงจากทั่วประเทศ มาร่วมสังเกตการณ์ พร้อมยื่นข้อเสนอขอให้ช่วยเหลือ อาทิ การขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เป็นเวลา 5 ปี การขอยกเว้นภาษีสรรพสามิต 5 ปี หรือจนกว่าเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โรคโควิด-19 จะฟื้นตัว นอกจากนี้ได้เสนอให้เยียวยาบุคลากรนักร้อง นักดนตรี ดีเจ พนักงานทุกตำแหน่งในสถานบันเทิง ยืดระยะเวลาสินเชื่อ อีก 3 เดือน ในการผ่อนบ้านและรถยนต์ สินเชื่อระยะสั้นส่วนบุคคล เป็นต้น

ย้ำทุกมาตรการไม่ได้คิดขึ้นเอง

พล.อ.ณัฐพล กล่าวตอนหนึ่งว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา นายกฯให้นโยบายคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกภาคส่วน มาตรการการเยียวยาได้ทำมา 3 เดือนแล้ว ดังนั้นในเดือน ก.ค.จะเป็นช่วงพยายามผ่อนคลายให้ทุกสาขาอาชีพสามารถประกอบอาชีพได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยจากการแพร่ระบาด เพราะหากมีการระบาดรอบที่ 2 คงยากจะแก้ไข การผ่อนคลายเรามีการชั่งน้ำหนักแต่ละกิจการตามความจำเป็น ความเสี่ยง และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เราทยอยเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการ ประชาชนผู้ใช้บริการ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการกำกับกิจการนั้นๆ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าความสำเร็จที่ผ่านมา เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชน จากบรรดาผู้ประกอบการ สำหรับการพูดคุยวันนี้คงเป็นการรับทราบข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะในการผ่อนคลายให้กับสถานประกอบการและสถานบันเทิง ตนเชื่อว่าทุกคนยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐและศบค.และขอย้ำว่ามาตรการต่างๆ ไม่ได้เป็นสิ่งที่เราคิดขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่ได้รับฟังจนได้ข้อยุติเป็นข้อสรุปนำไปสู่การวางข้อกำหนดร่วมกัน

ดีใจ ศบค.รับฟังข้อเสนอ

ต่อมาเวลา 12.10 น.นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ให้สัมภาษณ์หลังการหารือและรับฟังข้อเสนอในการวางแนวทางการผ่อนคลายมาตรการสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ ว่าการหารือเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากผู้ประกอบการ พนักงานมีภาระ รัฐบาลจะช่วยแค่ 3 เดือน โดยจะสิ้นสุดในเดือนนี้ หากไม่มีการปลดล็อกจะเกิดปัญหา จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือ เป็นที่น่ายินดีที่ ศบค.จะรับข้อเสนอทั้งหมดไปเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาสำหรับเรื่องการผ่อนคลายระยะที่ 5 ทาง ศบค.ชุดเล็กจะแบ่งพิจารณาเป็นธุรกิจๆไป โดยไปดูในรายละเอียดอีกครั้งจากนั้นจะแยกเป็นรายธุรกิจ

แย้มอาจปลดล็อกได้ 1 ก.ค.

ส่วนการปลดล็อกธุรกิจสถานบันเทิงในวันที่ 1 ก.ค.นี้หรือไม่นั้น นายสง่า กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ รอง ผบ.ทบ. บอกจะรีบนำข้อมูลไปพิจารณาใน ศบค.ชุดใหญ่ โดยบางธุรกิจของสถานบันเทิงจะมีการปลดล็อก อาทิ ร้านอาหารจะมีการผ่อนคลายให้นักดนตรีเข้าไปเล่นได้ ตามข้อเสนอที่สมาคมได้เสนอไป เพราะไม่ติดขัดอะไรเนื่องจากมีใบอนุญาตให้เปิดได้ถึงเวลาเที่ยงคืน ที่สำคัญอย่าลืมว่าคนเหล่านี้ไม่มีประกันสังคม รัฐควรช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ก่อนในเบื้องต้น ในส่วนของผู้ประกอบการเองได้ยืนยันในมาตรการรักษาความปลอดภัย และการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทุกร้านมีความระมัดระวัง และดำเนินการตามมาตรการเหล่านี้อยู่แล้ว

ขอชัดเจนการช่วยเหลือ

นายสง่ากล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการทุกคนให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างดีในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เพราะไม่อยากให้มีการแพร่ระบาด ให้ทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้ในช่วงการพิจารณาผ่อนคลายระยะที่ 4 ไม่มีการเชิญพวกเราเข้าไปร่วมให้ข้อเสนอแนะ ธุรกิจในถนนข้าวสารมีบางประเภทที่คนไม่รู้จักกันได้มาเจอกัน รวมถึงมีธุรกิจที่คนรู้จักกันได้มาทานข้าวทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งธุรกิจประเภทหลังนี้น่าจะได้รับการผ่อนคลายได้แล้ว เพราะมีมาตรการด้านสาธารณสุขกำกับอยู่ ดังนั้นเราอยากทราบว่าถ้ายังต้องเลื่อนการผ่อนคลายออกไป เราต้องทำอย่างไรบ้าง และภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือเป็นรูปธรรมอะไรได้บ้าง ค่าชดเชยจากประกันสังคมช่วยได้แค่บางส่วน เราจึงอยากให้มีการผ่อนคลายให้กับพวกเราและธุรกิจกลางคืน เพราะมีคนจำนวนมากได้รับความลำบาก ยกตัวอย่างนักดนตรีไม่มีรายได้ประจำ แม้ได้เงินเยียวยา 5,000 บาท แต่ไม่เพียงพอในการดำรงชีพ เราจึงอยากทราบว่าจะผ่อนคลายให้ได้หรือไม่ ถ้าผ่อนคลายให้จะเป็นรูปแบบใด

ธ.ก.ส.โอนเงินช่วยเกษตรกรงวด 2

วันเดียวกัน นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าวันนี้ ธ.ก.ส.โอนเงินเยียวยางวดที่ 2 ของเดือน มิ.ย.63 ให้เกษตรกรแล้วกว่า 7.05 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 35,258 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ถ้ารวมการจ่ายเงิน 2 งวด ปัจจุบัน ธ.ก.ส.โอนเงินให้เกษตรกรไปแล้วกว่า 71,549.96 ล้านบาท สำหรับรายชื่อที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเข้ามาเพิ่มเติมระหว่างวันที่ 1-14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.จะเร่งโอนเงินเยียวยา งวดที่ 2 ให้ตั้งแต่วันที่ 22-25 มิ.ย.นี้ ส่วนที่กำลังตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีธนาคารที่เกษตรกรแจ้งข้อมูลมาเพิ่ม 59,519 คน หากได้รับคำยืนยันจากธนาคารต่างๆ จะดำเนินการโอนให้ทันที

กว่า 1.4 แสนคนยังไม่แจ้งเลขบัญชี

นายกษาปณ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมี เกษตรกรกว่า 141,895 คน ที่ยังไม่ได้แจ้งเลขบัญชี โดยสามารถแจ้งได้ที่ www.เยียวยาเกษตรกร.com ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารไหนก็ได้ รวมทั้งพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือแจ้งเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับภูมิภาคซึ่งจะไปติดต่อถึงบ้าน อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเกษตรกรประสงค์ขอคืนสิทธิ์เงิน 5,000 บาทแล้วจำนวน 4 ราย

ก.แรงงาน เตรียมเปิดต่ออายุต่างด้าว

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 กรมการจัดหางานได้หารือกับเอกอัครราชทูตเมียนมาและกัมพูชาประจำประเทศไทย และเห็นพ้องให้แรงงาน MOU ที่ครบกำหนดอนุญาตทำงาน 4 ปี ได้ขออนุญาตทำงานต่อในประเทศไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้แรงงานกลุ่มนี้ไม่สามารถเดินทางกลับได้ โดยคาดว่าในช่วงเดือน พ.ค.-ธ.ค. มีคนต้องเดินทางกลับกว่าแสนคน ขณะนี้ผ่อนผันให้อยู่ทำงานได้จนถึง 31 ก.ค.2563 และเมื่อใกล้ครบกำหนดระยะเวลาจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

ส่วนการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามมติ ครม.ที่ผ่านมา นายจ้างได้ยื่นเนมลิสต์ขอใช้แรงงาน 3 สัญชาติทำงานกว่า 1.2 ล้านคน มีการชำระค่าธรรมเนียมแล้วกว่าล้านคน คิดเป็นร้อยละ 86 และได้ดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานแล้ว 7.3 แสนคน แต่ในช่วงที่ผ่านมาเกิดความไม่คล่องตัวเนื่องจากโควิด-19 ทำให้มีข้อจำกัดจนต้องหยุดไปก่อน กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการปกครอง และกรุงเทพมหานคร ได้หารือกันแล้วคาดว่าช่วงเดือน ก.ค. สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย แต่ละหน่วยงานจะกลับมาเปิดดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบ โดยมีแรงงานต่างด้าวที่ต้องยื่นเอกสารขอทำงานกว่า 4 แสนคน

โควิดทำคนกังวลเงินไม่พอใช้

วันเดียวกันสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจ “นิด้าโพล” เรื่อง “การบริโภคอาหารในช่วงโควิด-19” ระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. ที่ผ่านมา จากประชาชน 1,273 ตัวอย่าง เมื่อถามถึงรายได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.51 ระบุว่าแย่ลง รองลงมา ร้อยละ 37.00 ระบุว่าเหมือนเดิม และร้อยละ 1.49 ระบุว่าดีขึ้น ส่วนความเพียงพอต่อการใช้จ่ายของรายได้ในปัจจุบัน ร้อยละ 33.46 ระบุว่าไม่ค่อยเพียงพอ และร้อยละ 32.13 ระบุว่าไม่เพียงพอเลย มีเพียงร้อยละ 17.91 ระบุว่าเพียงพอ ร้อยละ 16.03 ระบุว่าค่อนข้างเพียงพอ ส่วนความกังวลต่อเงิน/รายได้ สำหรับการบริโภคอาหารที่จำเป็น ร้อยละ 21.13 ระบุว่ามีความกังวลมาก ร้อยละ 38.18 ระบุว่า ค่อนข้างมีความกังวล ร้อยละ 23.80 ระบุว่าไม่ค่อยมีความกังวล ร้อยละ 16.65 ระบุว่า ไม่มีความกังวลเลย

กินตามปกติแต่ลดปริมาณลง

ส่วนผลกระทบต่อเงิน/รายได้ ในการหาซื้อหรือจัดหาอาหารเพื่อการบริโภค จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 37.86 ระบุว่าบริโภคได้ตามปกติ ร้อยละ 35.43 ระบุว่าบริโภคอาหารครบทุกมื้อ แต่จำกัดชนิดอาหาร เพื่อประหยัดเงิน ร้อยละ 17.44 ระบุว่างดบริโภคอาหารดี มีคุณค่าและมีราคา เพื่อประหยัดเงิน ร้อยละ 13.75 ระบุว่าลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ ร้อยละ 8.01 ระบุว่างดอาหารบางมื้อ เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ ร้อยละ 0.31 ระบุว่าไม่ได้บริโภคอาหารทั้งวันเพราะไม่มีเงิน และร้อยละ 0.24 ระบุว่าทั้งครัวเรือนไม่มีอาหารเหลือเพราะไม่มีเงิน

ไม่เคยเอาหรือแจกของใคร

สำหรับการไปรับอาหารแจกฟรีตามสถานที่ต่างๆ หรือไปรับอาหารจากตู้ปันสุข พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 83.19 ระบุว่าไม่เคยไปรับ ร้อยละ 16.81 ระบุว่าเคยไปรับ ด้านการเคยแจกเงิน อาหาร หรือสิ่งของเครื่องใช้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 64.89 ระบุว่า ไม่เคยแจกเงิน อาหาร หรือสิ่งของเครื่องใช้ ขณะที่ ร้อยละ 35.11 ระบุว่า เคยแจกเงิน อาหาร หรือสิ่งของเครื่องใช้ โดยในจำนวนของผู้ที่เคยแจกเงิน อาหาร หรือสิ่งของเครื่องใช้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 70.07 เคยแจกเงิน อาหาร หรือสิ่งของเครื่องใช้ของตนเอง และร้อยละ 32.20 ระบุว่า เคยร่วมแจกเงิน อาหาร หรือสิ่งของเครื่องใช้ของหน่วยงาน/องค์กร/สมาคม

ติดเชื้อทั่วโลกเฉียด 9 ล้าน

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อกว่า 8.92 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 466,000 ราย รักษาหายกว่า 4.7 ล้านราย โดยสหรัฐอเมริกา ยังเป็นแชมป์ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลกคือติดเชื้อกว่า 2.33 ล้านราย เสียชีวิตรวม 121,980 ราย

ละตินอเมริกาป่วยทะลุ 2 ล้าน

ขณะที่กลุ่มประเทศในละตินอเมริกาและแคริบเบียน มีผู้ติดเชื้อยอดสะสมรวมกันแล้วถึง 2,007,621 ราย โดยเฉพาะบราซิล ประเทศใหญ่สุดในละตินอเมริกา ยังมีการแพร่ระบาดหนักสุด โดยยอดรวมผู้ป่วยเสียชีวิตใกล้แตะ 50,000 ราย ติดเชื้อสะสมราว 1,070,000 ราย ตามด้วยเม็กซิโก ที่เสียชีวิตราว 20,000 ราย ติดเชื้อรวมกว่า 175,000 ราย ทำให้ทางการเม็กซิโกต้องเลื่อนการเปิดธุรกิจในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ จากกำหนดเดิมวันที่ 22 มิ.ย.ไปเป็นอีก 1 สัปดาห์ ขณะที่ชิลี มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว หลังใช้วิธีนับยอดใหม่ ทำให้ยอดเสียชีวิตรวม 7,144 ราย ติดเชื้ออีกราว 236,000 ราย และเปรู มีผู้เสียชีวิตสะสม 7,861 ราย ติดเชื้อทะลุ 251,000 รายแล้ว

ยุโรปยังพบติดเชื้อรายวัน

ขณะที่ทวีปยุโรป กระทรวงสาธารณสุขอิตาลี เผยยอดรวมผู้เสียชีวิตเขยิบเป็น 34,000 ราย ติดเชื้อสะสมราว 238,000 ราย และมีการตรวจหาเชื้อจากประชากร 60 ล้านคนทั่วประเทศแล้วราว 3 ล้านคน ส่วนที่เยอรมนี ยืนยันผู้ติดเชื้อสะสมที่ 191,000 ราย ยอดผู้เสียชีวิตเกือบ 9,000 ราย ส่วนฝรั่งเศส มีผู้เสียชีวิตสะสมเฉียด 30,000 ราย ติดเชื้อกว่า 160,000 ราย ขณะที่นางอารันชา กอนซาเลซ ลายา รัฐมนตรีต่างประเทศสเปน เผยว่า นับแต่วันที่ 21 มิ.ย. เป็นต้นไป รัฐบาลจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พร้อมยกเลิกคำสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินด้วย แต่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจะต้องได้รับการตรวจเหมือนนักท่องเที่ยวชาวยุโรปประเทศอื่น ทั้งตรวจสอบต้นทางที่เดินทางเข้ามา วัดอุณหภูมิและแจ้งรายละเอียดการติดต่อหากมีกรณีที่ต้องการติดตามตัว นอกจากนี้ สเปนเปิดพรมแดนที่ติดกับฝรั่งเศสในวันเดียวกัน และเตรียมเปิดพรมแดนกับโปรตุเกสในวันที่ 1 ก.ค.ด้วย

นายกฯ ผู้ดีแนะเว้นห่างเพิ่ม

ด้านนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษจะประกาศในวันอังคารที่ 23 มิ.ย.ให้ทุกสถานที่ทั้งออฟฟิศ โรงเรียน สถานบันเทิง ผับ บาร์ ใช้กฎการเว้นระยะทางสังคมใหม่เพิ่มอีก 1 เมตร โดยจะให้เริ่มมีผลบังคับใช้นับแต่วันที่ 4 ก.ค.พร้อมเตรียมทบทวนการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ 14 วันในวันที่ 29 มิ.ย.นี้

จีน–โสมใต้ยังพบติดเชื้อใหม่

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในจีน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) เผยผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศ 26 ราย รวม 22 รายในกรุงปักกิ่ง ทำให้ยอดของผู้ติดเชื้อที่กลับมาระบาดใหม่ในเมืองหลวงของจีนนับแต่วันที่ 11 มิ.ย.จากในตลาดค้าส่งของสด “ซินฟาตี้” พบแล้ว 227 ราย ทำให้เมื่อรวมกับการระบาดครั้งแรก จีนพบผู้ติดเชื้อ รวม 83,378 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 4,634 ราย ส่วนที่เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 48 ราย รวมในกรุงโซล 24 ราย ที่ติดจากกลุ่มก้อน ทำให้ยอดสะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 12,421 ราย เสียชีวิตรวม 280 ราย

ลุยทดลองวัคซีนในคนเฟส 2

นอกจากนี้ มีรายงานว่าทีมนักวิจัยจากสถาบันชีววิทยา สังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์จีน (IMBCAMS) เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในมนุษย์เฟส 2 เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยในประสิทธิผล ซึ่งจะมีวัคซีนที่เป็นไปได้ 6 ตัว หลังมีการทดลองในเฟส 1 กับอาสาสมัคร 200 คนนับแต่เดือน พ.ค. โดยเฟส 2 นี้จะกำหนดโดสที่ฉีดเข้าในคนและประเมินผลอย่างต่อเนื่องว่ามีการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันในคนที่สุขภาพแข็งแรงหรือไม่

รัฐวิกตอเรียขยายภาวะฉุกเฉิน

ส่วนที่ออสเตรเลีย ยังพบการระบาดต่อเนื่องที่ รัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ทำให้ทางการขยายภาวะฉุกเฉินไปอีก 4 สัปดาห์ถึงวันที่ 19 ก.ค.เพื่อรับมือกับการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 หลังผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 19 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขหลักสิบต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ทำให้ยอดติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 1,836 ราย โดยทางการจะคุมเข้มการรวมกลุ่มสังสรรค์ตามบ้านได้ไม่เกิน 5 คน และการชุมนุมนอกเคหสถานไม่เกิน 10 คน เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.นี้ จากที่เคยผ่อนปรนให้ชุมนุมได้ไม่เกิน 20 คน

Let's block ads! (Why?)



"การป้องกัน" - Google News
June 22, 2020 at 05:28AM
https://ift.tt/2YkZthn

เตือนภัยโควิดรอบ 2 ส่อหนักหน่วง - ไทยรัฐ
"การป้องกัน" - Google News
https://ift.tt/2ZY9SB2


Bagikan Berita Ini

0 Response to "เตือนภัยโควิดรอบ 2 ส่อหนักหน่วง - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.